Tuesday, September 18, 2007

Long time ago that I don't update my blog because there are many reasons.........

Next week, We have final examination, you should reading more and more.
สู้ๆ นะเพื่อนๆ คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกภาษาอังกฤษทุกคน

Wednesday, August 15, 2007

LESSON PLAN

*** Lesson Plan ***
Title :
Aim :
Level :
Time : 50 minutes.
Technical Requirement :
Hardware :
Software :
Preparation :
Procedure :
Follow up :
Notes :

Monday, August 13, 2007

ลดน้ำหนักลดพลังงาน


ลดน้ำหนักลดพลังงาน
หลายท่านอาจเคยประสบปัญหาอยากลดน้ำหนัก แต่พอเริ่มควบคุมอาหาร น้ำหนักกลับลดลงแค่เพียงนิดหน่อย เห็นตัวเลขบนตราชั่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากก็หาทางเปลี่ยนวิธีใหม่ โดยเลือกออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานให้เพิ่มขึ้น จะได้ไม่ต้องคุมการกินให้มากนัก

แต่ที่ไหนได้เมื่อออกกำลังกายมากขึ้น น้ำหนักก็กลับไม่ยอมลงให้ชื่นใจสักที แถมบางครั้งยังดูจะเพิ่มขึ้นมาอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้จะลดน้ำหนักกันอย่างไรดี…

หลักในการลดน้ำหนัก คือต้องได้รับพลังงานน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ไป โดยที่ความต้องการพลังงานของร่างกายจะต่างกันดังนี้

อายุ เมื่ออายุมากขึ้นความต้องการพลังงานของร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ความเปลี่ยนแปลงของการใช้พลังงานอาจเห็นได้ชัดในช่วงอายุประมาณ 40 ปี โดยผู้ชายมักจะเริ่มลงพุง ผู้หญิงมักจะค่อยๆ เปลี่ยนจากเอวบางร่างน้อยเป็นเอวหนาร่างใหญ่ เพราะร่างกายมีการใช้พลังงานลดลง แต่พลังงานที่ได้จากการกินยังคงเท่าเดิม

เพศ โดยโครงสร้างของร่างกาย ผู้ชายจะมีขนาดของร่างกายใหญ่กว่าและมีกล้ามเนื้อมากกว่า ดังนั้นผู้ชายจึงต้องการพลังงานมากกว่า

กิจกรรมที่ทำ ผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะจะใช้พลังงานน้อยกว่าผู้ที่ทำงานที่ต้องมีการเดินหรือทำงานกลางแจ้ง และผู้ที่ไม่ออกกำลังกายต้องการพลังงานน้อยกว่าผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอแม้ความต้องการพลังงานจะต่างกัน แต่การทำให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยกว่าพลังงานที่ใช้ไปมีวิธีไม่ต่างกัน คืออาจลดพลังงานจากอาหารที่เรารับประทาน หรือเพิ่มการใช้พลังงานโดยการออกกำลังกาย หรือทำทั้งสองอย่างร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลเร็วและยังช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาอ้วนซ้ำอีกครั้ง

แต่จะต้องลดพลังงานจากการกินเท่าไร และเพิ่มการใช้พลังงานอีกเท่าไรจึงจะลดน้ำหนักลงได้ มีวิธีคำนวณดังนี้

การลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ต้องได้รับพลังงานน้อยกว่าที่ใช้ 7,000 กิโลแคลอรี เป้าหมายในการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพที่ดี คือลดน้ำหนัก 0.5 - 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ซึ่งหมายถึงการได้รับพลังงานน้อยกว่าความต้องการสัปดาห์ละ 3,500 – 7,000 กิโลแคลอรี

ตัวอย่างการลดพลังงานเพื่อลดน้ำหนัก 0.5 - 1 กิโลกรัม/สัปดาห์

หากต้องการลดน้ำหนักสัปดาห์ละ 0.5 - 1 กิโลกรัม ด้วยการออกกำลังกายทุกวัน โดยใช้พลังงานวันละ 300 กิโลแคลอรี ยังต้องลดพลังงานที่ได้จากอาหารอีกวันละ 200 – 700 กิโลแคลอรี ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยาก

การเลือกอาหารที่มีไขมันลดลงทำให้พลังงานที่ได้รับลดลงไปด้วย ซึ่งหลักในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อลดพลังงานยังมีอีกหลายข้อที่น่าสนใจดังนี้
1. เลือกอาหารที่ปรุงโดยใช้น้ำมัน เนย หรือกะทิที่มีในปริมาณน้อย เพราะน้ำมันหรือเนย 1 ช้อนชา หรือกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานถึง 45 กิโลแคลอรี

2. เลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดหนังหรือมัน หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ประเภทไส้กรอก หมูยอ หรือกุนเชียง เพราะในการทำจะมีการเติมไขมันเข้าไปเป็นปริมาณมาก ไส้กรอกค็อกเทล 4 ชิ้น ให้พลังงานถึง 100 กิโลแคลอรี ในขณะที่เนื้อปลา ไก่ และหมูที่ไม่ติดมัน 2 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานเพียง 35 – 55 กิโลแคลอรี

3. หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลทุกชนิด เช่น น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลฟรุกโตส รวมถึงน้ำผึ้ง นมข้นหวาน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรีน้ำอัดลม ชาดำเย็น โอเลี้ยง 1 กระป๋อง หรือ 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ 150 – 200 กิโลแคลอรีกาแฟเย็น ชาเย็น 1 แก้ว ให้พลังงาน 300 – 500 กิโลแคลอรี

4. หลีกเลี่ยงขนมหวานทุกชนิด ขนมหวานมักมีส่วนประกอบหลักเป็นแป้ง น้ำตาล และไขมัน ซึ่งให้พลังงานสูง
เค้ก คุกกี้ หรือพาย 1 ชิ้น ให้พลังงาน 100 – 400 กิโลแคลอรี
ขนมน้ำแข็งไส หรือแกงบวดต่างๆ 1 ถ้วย ให้พลังงาน 200 – 400 กิโลแคลอรี
ไอศกรีม 1 ลูก หรือ ? ถ้วยตวง ให้พลังงานประมาณ 200 กิโลแคลอรี

ในการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมพลังงานจากอาหาร ไม่ใช่การอดอาหาร เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้พลังงานสูง และรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการใช้พลังงาน และต้องให้เวลากับการลดน้ำหนักด้วย

เพราะการลดน้ำหนักเร็วเกินไปอาจส่งผลเสียกับสุขภาพ และอาจไม่ให้ผลที่ถาวรเหมือนกับการค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ซึ่งหากสามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่องก็จะช่วยให้ทุกคนสามารถลดน้ำหนักได้อย่างถาวร

ตั้งต้นลดน้ำหนักวันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีตลอดไปกันเถอะค่ะ

ที่มา: http://women.sanook.com/health/know_eat/

Friday, August 3, 2007

THE READING MAZES

**The Reading Mazes Of Holiday Maze**


1.What kinds of reading skills can be practise with Reading Mazes?
Answer: I think reading for specific in formation can be practiced with this reading maze.

2.Can you think of any other skills can be practised with this program?
Answer: Yes, I think this program can be practiced other skills for the students. For example,
- Writing: The students can practice by write the conversation like in this program by themselves. So, they can practice their grammar skill while they are writing too.
- Speaking: The students can practice their speaking skills by using this passage. They can make the conversation with their friends follow this program

3.Can you use any activities with your learners?Why or Why not?
Answer: Yes, I can use these activities with my learners because these activities can motivate them to learn and do these. So, these activities are about holidays, tourist information, how to make a decision, places and the relationship with other people.

4.What kinds of problems are likely to occur if you use the activities with your learners?
Answer: I think that if I use the activities with my learners, the problems will occur. These problems are about the vocabularies that the students don’t understand and they can’t do these activities. Moreover, they will bore and don’t like to do activities.

5.What can you do to solve the problems?
Answer: I think I will teach them about the new and difficult vocabularies that they don’t know before they read each passage.

****************************************************

เคล็ดลับเพื่อความสวยงาม

เคล็ดลับเพื่อความสวยงาม


1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย

4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง

6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น

7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย

8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล

9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย

10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

ที่มา: http://www.tttonline.net/restaurant/

Sunday, July 29, 2007

THE READING MAZES


**The Reading Mazes**

1.What kinds of reading skills can be practise with Reading Mazes?
Answer: I think it is Scanning(reading for specific information)

2.Can you think of any other skills can be practised with this program?
Answer: Yes I can I think that learners can learn about test and structure from the story.

3.Can you use any activities with your learners?Why or Why not?
Answer: Yes I can practise learners to think about main idea of the story and pay attention on story to choose the correct choices.

4.What kinds of problems are likely to occur if you use the activities with your
learners?
Answer: Learners cannot to find out the correct answer and teacher should be clear when read the story for more understanding to learners.

5.What can you do to solve the problems?
Answer: I think the teacher should be a main charector, read clearly the story while playing the game and say the meaning of words.

**************************************

Saturday, July 28, 2007

Visit the web blogs








* It is the learner blog because there is no useful information in this blog, so this blog isn't useful for language teachers.
* However, in this blog the teacher cannot bring it to teaching the student. There is no important information for teacher.


* It is the class blog. There is useful for language teacher because the teacher and the students share their opinion and idea each other in this space
* It is very useful blog for language teachers because the teacher and the students can shareour idea and ask the question of both bloggers and write about their blogs.
* Moreover, in this blog the teacher can find the online-resourcessuch as activities in classroom language.

* It is the learner because there is no useful information in this blog, so this blog isn't useful for language teacher.
* Moreover, in this blog the teacher cannot bring it to teaching the student. There is no important information for teacher.

Saturday, July 21, 2007

British and American Culture






Food and Health



Food and Health

Web evaluation (pair work)

General Appearance:
Is the page attractive? Why? (4) : โดยภาพรวมของหน้าเว็บไซด์ไม่มีจุดเด่น หรือมีความดึงดูดใจน้อย แต่มีข้อดี คือ การใช้ภาพประกอบหน้าเว็บไซด์ สามารถสร้างความสนใจในการอยากเข้าชมเนื้อหาในหน้าถัดไปได้

Clarity:
Is the page clear? Can you read the information easily? (3) : ตัวอักษรที่ใช้มีขนาดค่อนข้างเล็ก และการจัดวางตำแหน่งของตัวอักษรใกล้เคียงกันมาก(เกือบติดกัน) ทำให้อ่านแล้วตาลาย

Use of colour:
Are the colours attractive? Do they help to make the information easy to read? (4) : การใช้สีไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป ดูแล้วสบายตา แต่การใช้สีพื้นหลังเป็นสีขาวทำให้อ่านได้ไม่นานเพราะเกิดอาการปวดตา เนื่องจากสีขาวทำให้หน้าจอจ้าเกินไป ควรเปลี่ยนพื้นหลังให้ดูเย็นตาลง เช่น สีควันบุหรี่ สีฟ้าอ่อน หรือ สีเขียวอ่อน เป็นต้น

Ease of use:
Is it easy to move around the page, or to move onto other pages? Is there anything on the page that distracts your attention from the most important information? (4) : การคลิกเพื่อโยงไปยังหน้าที่ต้องการสะดวก และไม่ต้องรอการดาวโหลดข้อมูลนานเกินไป

Presentation and accuracy:
Are there any spelling or grammar mistakes? (5) : มีความถูกต้องของข้อมูลในหน้าเว็บไซด์ทางด้านหลักไวยสกรณ์ และการสะกดคำ

Multimedia:
Does the page make good use of pictures, sound, animation or video? Does the page take a long time to appear? (3) : มีการใช้รูปที่หน้าดึงดูใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องการลิงค์ต่อไป แต่ไม่มีการใช้เลียง ภาพเคลื่อนไหว หรือวิดีโอ ถ้ามีภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงจะทำให้น่าสนใจมากขึ้น

Interest:
Is the page interesting? Why/ why not? (3) : การจัดเนื้อหามีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกในการค้นคว้าข้อมูล แต่สีสันยังไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก

Other criteria: -

Comment: http://picks.yahoo.com/index.html
Miss Napassaluck Chairat student number: 471031267
Miss Kankanit Niamkul student number: 471031273

Technique for teaching


Teaching English
Vocabulary
Listening
Speaking
Reading

Writing

Entertainments

5 วิธีง่ายๆ ในการลดความอ้วน








1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่พยามยามลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน และไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะอาจทำให้คุณรับประทานอาหารมื้อถัดไปมากขึ้น ที่สำคัญควรรับประทานประเภทผักใบเขียว เพราะจะมีใยอาหารอยู่มาก
2. พยายามดื่มน้ำก่อนอาหาร เพื่อถ่วงกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง หรือเลือกรับประทานใยอาหารก่อนอาหารประมาณครั้งชั่วโมงแทน

3. เพื่อผลทางจิตวิทยา ควรใช้ภาชนะเล็กลง โดยมีปริมาณอาหารเท่าเดิมเพื่อให้ดูว่ามีอาหารมากขึ้น และควรใช้ช้อนขนาดเล็กเพื่อจะได้รับประทานช้าลง ที่สำคัญควรฝึกเคี้ยวช้า ๆ จะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง และรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น

4. หาเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมมากขึ้น มักมีความเชื่อผิด ๆ กันว่า การออกกำลังกายมากขึ้นจะทำให้หิวเร็งและรับประทานอาหารมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ไม่ได้ออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงมักขจัดความเยื่อนี้ด้วยการรับประทาน การออกกำลังกายจึงเป็นวิธีช่วยลดความเบื่อหน่าย และเพิ่มการใช้พลังงานเพื่อเผาผลาญไขมันสะสมให้ลดน้อยลง

5. สร้างสิ่งจูงใจ หรือทัศนคติดี ๆ ต่อพฤติกรรมใหม่ ๆ เช่น การเขียนข้อความเกี่ยวกับการลดความอ้วน หรือชุดสวย ๆ ในสมัยก่อนที่เคยใส่ได้ เพื่อให้เห็นถึงเป้าหมาย และสามารถกระตุ้นหรือจูงใจให้มีความพยายามมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด พยายามพักผ่อนให้มาก ๆ ไม่มีประโยชน์เลย ถ้ามีรูปร่างที่สวยงามอย่างที่ต้องการ แต่ต้องอาศัยอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจากสุขภาพไม่ดี

ที่มา : เอกสาร Live Well